
“ตอนนี้มีละครเรื่อง “กากับหงส์” เป็นเรื่องแรกที่กิ๊บได้เล่นร้ายขนาดนี้ คือกิ๊บคิดว่าถ้าเป็นนักแสดงได้เล่นหลาย ๆ บทก็ดี จะได้ไม่ดูเหมือนเราทำได้อย่างเดียว เรื่องนี้เป็นรีเมคกิ๊บก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไรนะ เพราะไม่มีอะไรกดดันเราได้ ถ้าเราทำในมุมของเราก็จะไม่เอาไปเปรียบเทียบกับใคร และถ้าเราทำของตัวเองให้เต็มที่แล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรที่เราต้องมานั่งกังวล นอกจากนี้ก็มีหนังเรื่อง “เกรียน ฟิคชั่น” ถามว่าตอนนี้เรามาชัดเจนในด้านการแสดงมากขึ้นมั้ย จริง ๆ มันก็ไม่ได้ชัดเจนหรอกค่ะ กิ๊บทำได้เท่าที่ทำไหว เราไม่ได้รับงานทุกอย่างสะเปะสะปะ จะเลือกเฉพาะที่คิดว่าเหมาะกับเรา ถ้าบทที่เราไม่สบายใจที่จะเล่น เราก็จะไม่รับ อย่างเรื่องเซ็กซี่หวือหวาเราจะมีลิมิตว่าจะได้ประมาณไหน ก็คุยเป็นงาน ๆ ไป เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าอันไหนเราจะทำหรือไม่ทำ ส่วนเรื่องงานเพลงก็ไม่ได้ทิ้ง ตอนนี้อยู่ในช่วงคุยคอนเซปต์ เป็นวง “เกิร์ลลี่เบอร์รี่” ที่มีสมาชิก 4 คนเหมือนเดิม น่าจะเซ็กซี่ เพราะคนติดภาพเราไปอย่างนั้นแล้ว แต่มันมีเรื่องอื่นที่เราจะนำเสนออีกหลายเรื่องค่ะ”
ถามถึงโฟโต้บุ๊กเซ็กซี่เล่มล่าสุดที่เราทำเองหน่อย? “เราไม่ได้ถ่ายเซ็กซี่มาประมาณ 5 ปี เลยรู้สึกว่าถ้าจะถ่ายอีกทีก็ทำเองดีกว่า จะได้เป็นแบบที่เราต้องการ มีตัวตนเราอยู่ โฟโต้บุ๊กเล่มนี้กิ๊บทำตั้งแต่เริ่มหาสปอนเซอร์ คิดคอนเซปต์ หาทีมงาน โลเกชั่น ทุกอย่างเลย เล่มนี้คือฟีลลิ่งของเราทุกอย่างที่แสดงออกไป มันเซ็กซี่ที่สุดแล้วแหละ แต่ก็แล้วแต่คนมองนะ บางคนก็คิดว่ามันไม่เซ็กซี่เพราะมันเบลอ ส่วนแฟชั่นที่หวือหวากว่านี้จะมีอีกมั้ยอันนี้กิ๊บไม่รู้ แต่ถ้าเป็นโฟโต้บุ๊กทำเองแบบนี้คงไม่ทำอีกแน่นอน ฟีดแบ็กเล่มนี้ก็ดีนะคะ แต่แค่ขายได้กิ๊บก็แฮปปี้แล้ว ตอนเริ่มทำกิ๊บไม่ได้คาดหวังเลย ถ้าคนดูแล้วชอบมันก็โอเค เพราะมันเป็นสไตล์กิ๊บจริง ๆ ถ้าคนดูแล้วไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรค่ะ”
ส่วนตัวคิดว่าตัวเองเซ็กซี่มั้ย?
“ส่วนตัวกิ๊บไม่ได้เซ็กซี่เลยค่ะ เป็นคนธรรมดา เราก็เป็นได้หลายอย่าง การทำงานก็มีหลายงานที่เราไม่ได้เน้นเรื่องเซ็กซี่ แต่คนก็อาจจะไม่ได้พูดถึงมากนัก คืองานที่เป็นอีกลุคหนึ่งคนก็เห็นนะ แต่เขาไม่ได้แคร์ แต่งานที่คนพูดถึง จำได้ก็จะเป็นลุคที่เราเป็นเกิร์ลลี่เบอร์รี่ คือก่อนเข้าวงการไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องมาแนวเซ็กซี่แบบนี้ แต่พอเราต้องมาเป็นลุคแบบนี้ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร เพราะชินและมันเป็นไปแล้ว”
เสียงวิจารณ์เรื่องการแต่งตัวที่วาบหวิว บั่นทอนกำลังใจบ้างมั้ย?
“ไม่ค่ะ เราไม่ค่อยจะเอาอะไรมาเป็นแรงที่จะทำให้ชีวิตเรากดดันมาก เพราะท้ายสุดแล้วคนที่คิดในทางลบ เขาก็ไม่ได้มาทำอะไรให้ชีวิตเราดีขึ้น ถ้าเรายังเอาคนเหล่านั้นมาบั่นทอนตัวเราลง มันผิดนะ กิ๊บไม่เคยแคร์เลยว่าใครจะพูดถึงเราไม่ดี คิดร้าย เราก็เป็นคนปกติคนหนึ่งที่เกิดมา แต่พอดีได้มาทำงานแบบนี้ มีภาพลักษณ์แบบนี้ คนก็เลยตัดสินแบบนี้ ซึ่งจริง ๆ กิ๊บมองว่าไม่ถูก เพราะถ้าคนเราที่ไม่รู้จักกัน การที่เห็นแต่งตัวยังไง มีวิธีการแสดงออกในมิวสิกวิดีโอยังไง ก็บอกไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าเขาเป็นคนแบบไหน ดังนั้นคำวิจารณ์เหล่านั้นไม่มีผลต่อกิ๊บเลย คือคนเราก็ด่าแรง ๆ ไปเรื่อย กิ๊บมองว่าคนที่มองเราอย่างนี้บางทีมันตื้นไปหน่อย แต่กิ๊บก็ไม่ได้แคร์อยู่แล้ว เพราะกิ๊บก็ไม่ได้รู้จัก โดยส่วนตัวกิ๊บเวลาเจอคนก็ไม่ได้คิดไปก่อนว่าเขาจะเป็นยังไง มันต้องให้โอกาส งานก็คืองาน ชีวิตจริง ๆ เราเป็นคนคิดยังไง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถามว่าเราอยากแสดงอีกด้านหนึ่งให้คนอื่นเห็นมั้ย กิ๊บว่ามันไม่ค่อยจำเป็น เพราะเราไม่มีทางทำให้คนทั้งโลกมารักเรา เราไม่มีทางไปแสดงอีกมุมหนึ่งให้คนบนโลกเห็นได้ และไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไรด้วย มันลำบากไปรึเปล่า เอาเป็นแค่คนที่ได้รู้จักเราเขาแฮปปี้ มันไม่เกี่ยวเลยที่คนนุ่งสั้น เต้นแรง ๆ ในเอ็มวี แล้วตัวจริงมันต้องเป็นคนนิสัยไม่ดี มันไม่ใช่เลยนะ มันเกี่ยวกันยังไงลองใช้ตรรกวิทยาคิดดู”
ตอนนี้ก็มีสาวเซ็กซี่เกิดมามากมาย จนเป็นกระแสว่าแข่งกันเซ็กซี่?
“ชินแล้วค่ะกับการที่ถูกเปรียบเทียบ แย่งตำแหน่ง ทวงบัลลังก์ มันเป็นปกติของวงการบันเทิง ส่วนเรื่องกลัวน้องหน้าใหม่มาแย่งตำแหน่งเซ็กซี่ ก็ไม่เลยค่ะ กิ๊บจะคิดแค่ว่าวันนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่ค่อยคิดเยอะ ถ้าเรามองหรือระแวงรอบข้างมากเกินไป เราก็จะไม่ได้มองตัวเอง อาจจะแย่ตอนนั้นก็ได้ โดยส่วนตัวกิ๊บก็ไม่จำเป็นต้องแข่งกับใคร มันก็ยังมีพื้นที่ให้เรายืนอยู่ เราก็มีจุดยืนของเราชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ชอบไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องมานั่งชิงดีชิงเด่นกับใคร”
0 comments:
Post a Comment